วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เบี้ยแก้ปรอทดิ้น หลวงปู่บุญ ขันตโร

เบี้ยแก้ปรอทดิ้น หลวงปู่บุญ ขันตโร
เบี้ยแก้ปรอทดิ้น หลวงปู่บุญ ขันตโร

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ อาจารย์เอก
โทร.0866520979
หรือติดต่อผ่าน App
0866520979

ล็อกเก็ต ฉากฟ้า หลวงปู่บุญ ขันตโร

ล็อกเก็ต ฉากฟ้า หลวงปู่บุญ ขันตโร
ด้านหน้า
ด้านหลัง


ผ้ายันต์แมงมุมเผือกโภคทรพย์

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ อาจารย์เอก
โทร.0866520979
หรือติดต่อผ่าน App
0866520979

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ล็อกเก็ต หลวงปู่บุญ ขันตโร, ฉากทอง, ฉากฟ้า

ล็อกเก็ต หลวงปู่บุญ ขันตโร, ฉากทอง, ฉากฟ้า



ด้านหน้า

ด้านหลัง

เริ่ม เช่า, บูชา, ร่วมทำบุญ ตั้งวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป นะครับ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ อาจารย์เอก
โทร.0866520979

หรือติดต่อผ่าน App
0866520979


========================================================================

Tag: หลวงปู่บุญ ขันตโร,ล็อกเก็ต,ล็อกเก็ต ฉากทอง,ล็อกเก็ต ฉากฟ้า,ฉากทอง,ฉากฟ้า,

ประวัติหลวงปู่บุญ ขนฺตโร

ประวัติหลวงปู่บุญ ขนฺตโร
หลวงปู่บุญ ขนฺตโร เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ปีมะแม เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ได้บวชเณรกับหลวงปู่ห่าน พุทธสาโร เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ หลวงปู่บุญ ขนฺตโร เล่าว่า ปู่ห่าน พุทธสาโร เป็นศิษย์เอก ญาครูขี้หอม มีรูปร่างใหญ่ เสียงดัง ในช่วงที่หลวงปู่บุญ ขนฺตโร บวชสามเณรจนกระทั้งเป็นพระนั้นไม่เคยถูกหลวงปู่ห่านท่านตำหนิแม้แต่ครั้งเดียว เพราะหลวงปู่ห่านใจดีมากๆ หลวงปู่บุญ ขนฺตโร ได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมกับหลวงปู่ห่าน ซึ่งท่านเองได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ เช่น มนต์เรียกจิตคน เสกดอกมะขวิดให้ออกดอกตลอดรัตติกาล ใช้ฝักเพกาส่งสารแทนจดหมาย ยิงกระสุนคต ท่านเล่นอภิญญาฤทธิ์ตั้งแต่เป็นสามเณร หลังจากบวชเป็นพระท่านได้ศึกษาสรรพวิชากับศิษย์ญาครูขี้หอมถึง ๓ รูป มีพระครูห่านเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออธิการหนู ขนฺติโก วัดบ้านป่าข่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่ออธิการบุญมา จนฺโท วัดบ้านผึ้ง เป้นพระอนุสาวนาจารย์ จนได้ภูมิธรรมพอตัว พระอธิการหนูจึงได้นำท่านไปฝากเป็นศิษย์หลวงปู่วิโรจน์รัตโนบล (หลวงปู่รอด) วัดทุ่งศรีเมือง ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ และได้รับการถ่ายทอดสารพัดวิชาอาคม ไม่ว่าจะเป็นมหามนต์ยักษิณี คาถาน้ำมนต์ขนาดยักษ์ วิชาสีผึ้งดำช้างหลงโขลง และอีกมากมาย ศึกษาวิชาได้ ๒ ปี วิโรจน์รัตโนบล (หลวงปู่รอด) ท่านได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อปี ๒๔๘๕ และหลวงปู่บุญได้เดินทางไปที่จังหวัดสกลนคร เพื่อไปเรียนวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์แพง มือขวาสำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ หลังจากเรียนครบ จบกระบวนธรรมแล้วหลวงปู่ได้เดินทางไปเรียนวิชาสายสำนักวัดประดู่ใน หลังจากจบการศึกษาก็ได้เกิดสงคราม จึงกลับสู่ผืนแผ่นดินมาตุภูมิ และเป็นที่พึ่งทางจิตวิญญาณของชาวบ้านในต่างจังหวัด จนบางครั้งท่านไม่มีเวลาแม้แต่จะพักผ่อน ในวันหนึ่งท่านจึงตัดสินใจกลับคืนสู่ป่า ออกธุดงค์เพื่อแสวงหาอริยมรรค ทางหลุดพ้นจากทุกข์ อันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการที่จะไปให้ถึง ท่านได้เดินทางไปกับพระอาจารย์แพง สุมังคโล ในการเดินทางแสวงหาวิโมกข์ธรรมครั้งนี้ ไม่เหมือนตอนที่เป็นสามเณร ซึ่งต้องผจญภัยในป่าดงบั้งอี่ ซึ่งคนละแวกนั้นเห็นว่าเป็นป่าที่มีความน่าสะพรึงกลัวมากๆ เพราะเป็นป่าผีสิง ไม่มีใครกล้าย่างกรายผ่านเข้าไปแม้แต่คนเดียว เพราะถ้าเกิดใครเข้าไปแล้วก็จะไม่มีสิทธิ์รอดออกมา หรือถ้าหากออกมาได้สติสัมปชัญญะก็จะฟั่นเฟือน จิตไม่แข็ง ดวงไม่ดี มีอันต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่าดงบั้งอี่แน่ๆ แต่ภัยอันตรายนานาประการก็เหมือนสิ่งที่มาเร่งเร้า ให้หลวงปู่กับพระอาจารย์แพง ยิ่งต้องเข้าไปทดสอบ เพราะจะเป็นบททดสอบจิตและอารมณ์กรรมฐานครั้งยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าจะวอดวายกลายเป็นผีก็ยอม หลังจากเดินทางเข้าป่าได้ลึกมาก ก็ได้แยกกันปักกลดคนละทิศ คนละทาง ห่างกันออกไป ในช่วงกลางดึกสงัดแห่งรัตติกาล ขณะที่หลวงปู่บุญนั่งจนจิตเป็นสมาธิ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งปวงก็ปรากฏเรือนร่างของแขกผู้มาเยือนที่ไม่ใช่มนุษย์ สิ่งนั้นคือ เสือและหมี ตัวโตเท่าช้าง เดินรอบๆ กลดของท่านหลวงปู่เองได้รวบรวมสติ สารพัดวิชาแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์เหล่านั้น ตลอดราตรีกาล หลังจากอยู่ดงบั้งอี่ได้นานพอสมควร ท่านได้เดินธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่กรรมฐานแพงอยู่หลายปี จนได้คิดค้นวิชาสีผึ้งดำ ช้างหลงโขลงฉบับสมบูรณ์กับหลวงปู่กรรมฐานแพง หลังจากนั้นหลวงปู่บุญ มีโอกาสเดินทางไปกราบหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่จังหวัดสกลนคร หลวงปู่มั่นได้เมตตาอบรมเรื่องวินัย การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน หลังจากนั้น หลวงปู่ได้เดินทางกลับโดยใช้เส้นทางริมโขง หลังแวะกราบพระธาตุพนม และเดินธุดงค์สู่ภูลังกาเป็นเวลาสมควร จึงได้เดินทางกลับสู่จังหวัดอุบลราชธานี ขณะที่หลวงปู่บุญจำพรรษาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่บุญมีโอกาสได้ไปหาหลวงปู่ชา สุภทฺโท อยู่บ่อยๆ หลวงปู่ชาเองมักจะเทศน์สอนเสมอ...

ปี ๒๕๑๑ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลคำใหญ่
ปี ๒๕๑๖ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
ปี ๒๕๑๙ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลนามว่า “พระครูขันตยาธิคุณ”

หลวงปู่บุญ ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านมีสุขภาพแข็งแรงโดยตลอด หลวงปู่บุญท่านชอบช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด จนญาติโยมขนานนามหลวงปู่บุญว่า “ใจดีเหมือนแม่น้ำ” หรือ “เทพเจ้าแห่งทุ่งแม่น้ำชี” ปัจจุบัน หลวงปู่บุญยังสามารถจำพระปาติโมกข์ได้แทบทุกตัว และท่างยังมีความชำนาญเรื่องอักษรธรรม มูลน้อย มูลกลาง ณ เวลานี้ หลวงปู่บุญมีอายุย่าง ๙๖ ปี ๗๕ พรรษา ร่างกายสังขารมิอาจต้านทานต่อดรคที่เริ่มรุมเร้ารุนแรงขึ้นทุกที แต่จิตใจของหลวงปู่บุญยังคงแข็งแรงแกร่งดุจหินผาเสมอ
สืบเสาะหามาเล่าโดย...ศิษย์เอก อาอำพล